[SR] ไร่แสงอรุณเชียงรายช่วงซัมเมอร์ อยากรู้ไปดูกัน ว่าจะสวยสักเพียงใด

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่เอ็ม เพจ paksabuy https://www.facebook.com/paksabuy ที่ได้ให้โอกาสผมเป็นตัวแทนไปพักที่ไร่แสงอรุณเพื่อรีวิวและขอขอบคุณทางไร่แสงอรุณ http://www.raisaengarun.com สำหรับวอชเช่อร์ที่พัก ส่วนใหญ่คนทั่วไปมักจะเลือกไปที่นี่ในช่วงฤดูหนาวเพราะจะได้พบกับความสวยงามอย่างเต็มที่และถ้าเป็นช่วง
ฤดูร้อนล่ะ ความงามจะลดลงมากน้อยแค่ไหนจะเหมาะสมกับราคาที่ลดลงกว่าช่วงพีคหรือไม่ วันนี้ผมขออาสาพาไปชมครับ หลังจากโทรจองห้องเรียบร้อย
วันเดินทางทางรีสอร์ทก็โทรมาประมาณเที่ยงถามว่าถึงไหนแล้วครับ ผมตอบว่าใกล้ถึงพะเยาแล้วครับ ปลายสายแนะนำว่าถ้าไม่มีธุระที่เชียงรายให้เลี้ยวขวาตรงแยกแม่ต๋ำ ผ่านอำเภอดอกคำใต้ เชียงคำ อำเภอเทิง ผมก็เลยใช้เส้นทางนี้ พร้อมแนะนำว่าอยากให้มาเช็คอินก่อน5โมงน่ะครับ คงกลัวเราจะหลง         จะได้มีเวลาบอกทาง เพราะทางค่อนข้างจะเปลี่ยวถ้าเป็นช่วงตอนกลางคืน  5โมงเย็นผมก็มาถึงไร่พอดีด้วยการนำทางของGoogle map ในมือถือ มาถึงก็เจอไร่แสงอรุณอยู่ติดถนนใหญ่เลยครับ จริงๆนึกว่าต้องเข้าซอยไป
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่จอดรถ ออฟฟิศและที่พักชื่อบ้านริมโขง

ส่วนด้านหน้าออฟฟิศติดถนนจะมีแปลงพักและดอกไม้บางส่วน
มาถึงก็ทำการเช็คอินอย่างเร่งด่วนเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถมาจึงอยากจะถึงที่นอนนุ่มๆไวๆทางรีสอร์ทแจ้งว่าบ้านแสงอรุณ1เดินไกลหน่อยน่ะครับ
พร้อมกับชี้ให้ดูบนเนินเขาเห็นอยู่ไกลลิบๆถามว่าประมาณกี่กิโลครับน้องเค้าบอกว่าเดินไปบนสะพานประมาณ400เมตร เดินขึ้นบันได165ขั้นแล้วก็เดินต่อไปอีก400เมตร นึกในใจ โห ไกลมากแต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนหนุ่มอย่างผม คริๆ น้องบอกว่าสัมพาระเดี๋ยวน้องเค้าขนไปให้ผมก็เอาไปแต่กระเป๋ากล้อง ส่วนอาหารเย็นเค้าให้สั่งไว้เลย แล้วจะมีคนนำใส่ปิ่นโตไปส่งให้ที่บ้านพัก หลังจากสั่งอาหารผมก็เริ่มเดินทางเลยครับ
เริ่มจากปากทางที่จะขึ้นไปบนเนินเขาจุดเริ่มต้นของผมครับ
เดินไปประมาณ100เมตรจะถึงบ้านบึงบัวก่อนครับ แต่ผมไม่ได้แวะดูเพราะน้องคนนำทางเดินไปไกลกลัวตามไม่ทัน
เดินไปชมวิวไปก็เพลินดี แม้จะไม่มีทุ่งนาเขียวขจีแต่ที่นี่ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ให้อากาศบริสุทธิ์ถ้าใครอยากมาช่วงทำนาที่นี่เริ่มปลูกข้าว"วันแม่เกี่ยววันพ่อ"หลักการจำง่ายๆของที่นี่ มาช่วงหน้าร้อนก็จะพบทุ่งนาแห้งๆเดินมาเพลินๆใกล้ถึงบันได165ขั้นแล้วแหงนมองดูชันเหมือนกันน่ะหัวใจเริ่มเต้นระรัวหลังจากเดินมาได้ประมาณ100ขั้นมีขาสั่นบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นหนุ่มของผมแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก(แอบโม้ ความจริงเกือบสลบคาบันได) ขึ้นบันไดมาเจอบ้านเดือนแจ่ม2ก่อนเลยพอเห็นบ้านพักพร้อมวิวเริ่มหายเหนื่อยขึ้นมานิดนึง บ้านเดือนแจ่มจะมี2 หลัง เดินมาอีกหน่อยทางซ้ายเป็นเดือแจ่ม1 ส่วนทางขวาจะเป็นบ้านเพียงออ เพียงออจะมี4หลัง
ผมเพียงแต่ผ่านไม่ได้แวะไปดูทั้ง4หลัง จากจุดนี้เดินต่อไปอีกประมาณ200เมตร จุดหมายของผมก็มาถึงแล้วครับ บ้านแสงอรุณ1 บ้านบนเนินเขาพร้อมวิวพาโนรามาตามมาดูข้างในกันเลยครับว่าเป็นยังไงบ้างบนโต๊ะหัวนอนมีวิทยุธานินทร์ได้กลิ่นลูกทุ่งนิดๆห้องน้ำจะเป็นแบบoutdoor bathroomมินิบาร์ที่นี่ฟรีหมดมีมาม่า2ถ้วย กาแฟ ขนม นมกล่อง ด้านหลังห้องเป็นระเบียงกว้างต้องบอกว่ากว้างมากๆพร้อมวิวภูเขาตอนเช้าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้เพราะอยู่ทางทิตย์ตะวันออกหลังจากถ่ายรูปสักพักอาหารที่สั่งไว้ตอนอยู่ออฟฟิศก็ใส่ปิ่นโตมาส่ง สั่งกับข้าวสามอย่างมีผัดกุ้ง ต้มยำปลาคัง คะน้าผัดน้ำมันหอย รสชาติก็ถือว่าอร่อยครับผักคะน้าสดและกรอบ ตั้งโต๊ะอย่างเร็วเลยครับเพราะหิวมาก ส่วนเบียร์นี่ผมนำติดตัวมาเองรวมทั้งแก้วเบียร์ด้วยครับเป็นแก้วประจำตัวหลังจากทานข้าวเสร็จผมคิดว่าจะเดินย้อนไปถ่ายรูปท้องทุ่งนาที่ผ่านมากับแสงทไวไลท์จึงรีบทานอย่างเร็วและยอมลงทุนเดินลงบันได165ขั้นมาอีกครั้งเพื่อมาเก็บภาพนี้ครับถ่ายแสงสุดท้ายอย่างมีความสุขพอหันไปเห็นบันไดขึ้นผมนี้เข่าอ่อนเลยครับ คงมีไม่กี่คนหรอกครับที่จะขึ้นลงๆแบบผม หลังจากขึ้นมาผมก็อาบน้ำนอนสลบไสลเลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อตอนตื่นเช้ากับที่พักริมโขงน่ะครับ